Konjiki no word master ผู้ใช้อักษรสีทอง บทที่ 02 : เพื่อนร่วมชั้น



Chapter 02: เพื่อนร่วมชั้น

ฮิอิโระได้แต่สงสัยว่าเขาตั้งแต่มาโลกนี้ยังไม่ได้ต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์เลยซักครั้ง

แต่ทำไมค่าMPของเขากับสูงมาก มันคงจำเป็นสำหรับการใช้Word Magic แน่ๆเขาหวังเพียงว่าเวทย์มนต์นี้จะมีประโยชน์สำหรับการที่เขาจะกลายเป็นแค่นักเดินทางในต่างโลกเท่านั้น

ดังนั้นจึงมีค่าHPซึ่งเป็นค่าความคงทนของร่างกายและMPที่ไว้สำหรับใช้เวทย์มนต์ ค่าประสบการณ์ที่ถูกแสดงให้เห็นเป็นหลักๆ
ส่วนค่าอื่นๆ จำพวกพลังโจมตี ป้องกัน ความว่องไว ค่าความเฉลียวฉลาดนั้น มีเป็นสัญลักษณ์บอกปรากฏบนหน้าสเตตัสที่เขากำลังดูอยู่ มันเหมือนกับเกมส์จำพวก MMORPG

ฮิอิโระรู้สึกตกใจที่ค่าความว่องไวของเขานั้นสูงมากกว่าความเฉลียวฉลาดเสียอีก แต่ที่น่าตกใจคือ ฉายาของเขา ผู้เป็นกลาง?
นั่นเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นส่วนเกินจากปาร์ตี้ของ4ผู้กล้า แต่ในอีกความหมายหนึ่งเขาเองก็ไม่ใช่ผู้กล้าแต่เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นแหละ แม้ว่าเขาจะกังวลเกี่ยวกับเวทย์มนต์ของเขาแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่มาห่วงสำหรับตอนนี้

ขณะที่ฮิอิโระคิดอยู่นั้น รูดอลฟ์ได้เอ่ยถามพวกเขา

“เป็นอย่างไรบ้าง? ตรงช่องฉายาน่าจะเขียนว่าผู้กล้าใช่ไหม”

ไทอิจิเป็นคนแรกที่ตอบคำถาม

“ใช่มันเขียนไว้ว่าผู้กล่า อ๊า~เท่จังเลยเราเนี่ย”

เขาเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเสียงตื่นเต้น

 “เอ้า และจิกะละว่าไง?”

คำถามที่มุ่งตรงไปยังเด็กสาวข้างๆไทอิจิ เป็นสึซึมิยะ จิกะ เธอเป็นสาวช่างพูดและเป็นที่นิยมในชั้นเรียน ทัศนคติที่เปิดกว้าง

และความตรงไปตรงมาของเธอทำให้ผู้คนรอบข้างนั้นรู้สึกดีไปด้วย

ผมของเธอออกขาวซีดคล้ายๆไทอิจิ เธอเป็นคนหน้าอกเล็กแต่รูปร่างของเธอสวยได้รูปเพราะเธอเป็นคนที่เก่งด้านกีฬา

“อ่า ฉันก็มีมันเหมือนกันฉายานั่นนะ”

“ดีแล้วละ งั้น,ชูริและชิโนบุละ?”

เธอเรียกเด็กสาวอีก2คน. มินาโมโต้ ชูริเป็นคนสวยที่มีผมยาวสีดำเงางามซึ่งแตกต่างจากจิกะ

เธอมีร่างกายแสนเซ็กซี่ของดึงดูดผู้ชายรอบข้าง เธออยู่ในชมรมชงชาซึ่งในบางครั้งก็จะมีเด็กผู้ชายส่วนใหญ่เข้าไปหาเธอเพราะชอบรอยยิ้มของเธอกับตอนที่เธอใส่ชุดกิโมโน กิโมโนนั้นสามารถดึงความสวยของเธอให้เด่นชัดพร้อมกับดวงตาที่ได้รูปรวมถึงไฝ้ใต้ตาของเธอที่ดูงดงาม

สาวอีกคนหนึ่ง อาคาโมริ ชิโนบุ เธอผู้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เป็นสมาชิกของชมรมหนังสือพิมพ์
เธอยังวางแผนในชีวิติอีกว่าจะหางานในเส้นทางนี้ เธอเป็นคนพูดเก่งและฉลาดหลักแหลมจนติดอันดับTops ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมาถามเคล็ดลับในการสอบกับเธอ

เธอเป็นคนผมหยัก ผมสีดำนั้นยาวไปจนถึงไหล่ของเธอ ดวงตาที่คล้ายลูกแมวของเธอที่สามารถตรวจสอบสิ่งต่างๆได้อย่างแม่นยำเธอไม่เคยปล่อยให้เหยื่อคนไหนคลาดไปจากสายตาเธอแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้เธอยังเป็นคนคันไซ

ทั้ง3คนมีบางอย่างที่เหมือนกันนั้นคือความงดงามของเธอ แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็เป็นคนในฮาเร็มของไทอิจิที่มักจะอยู่ด้วยกันบ่อยๆ

ชูริ และ ชิโนบุดูเหมือนจะมีฉายาผู้กล้าอยู่ และที่แน่นอนคนที่ตกเป็นที่ต้องสงสัยคงไม่พ้นฮิอิโระผู้นี้

“แล้วนายละ?”

“…ไม่มี.”

เขาตอบด้วยเพียงคำพูดเดียว แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้คนอื่นๆต่างสับสนวุ่นวายกันใหญ่

“’งั้น...ช่วยบอกฉายาของนายให้พวกเรารู้ได้ไหม?”

เสียงโวยวายได้เริ่มเบาลง แต่เขาก็ตอบแบบตรงไปตรงมาโดยไม่ได้คิดอะไร

“ผู้เป็นกลางละมั้ง”

ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นของเขาได้เปลี่ยนมุมองไปเลยเกี่ยวกับคำพูดนั้น พวกเขาอ้าปากค้างราวกับปฏิเสธว่าไม่จริงใช่มั้ย

“ผู้บริสุทธิ์งั้นเหรอค่ะ ลิลิธรู้นะค่ะว่าคุณหมายความว่ายังไง?”

“เอ๋ อ่า อืมก็แนวๆนั้น…”

ลิลิธก้มหน้าลง ลังเลที่จะตอบ เขามองไปที่เธอพลางถอนหายใจขึ้นและเขาก็พูดขึ้น

“ผมมันก็แค่คนธรรมดา ผมแค่จะกลับมาเอาของที่ลืมไว้ในห้องเรียนแต่ก็ถูกลากมาด้วยใช่ไหมละ?”

“อ่า ค่ะ…”

“เฮ้, รอก่อน! โอคามุระ! ทำไมถึงพูดแบบนั้น!”

จิกะพูดขณะที่ชี้นิ้วมาที่ผม แต่เขาไม่สนใจและเริ่มพูดต่อไป

“แต่เดิมสี่คนนี้ก็ถูกเรียกมาที่นี้อยู่แล้ว และพวกเขาก็อยู่ตรงนี้แล้ว ผมมันก็แค่ตัวแถม แล้วที่นี้คุณจะทำยังไงละ?”

เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจโดยที่จะไม่สร้างมิตรหรือศัตรูกับใครทั้งนั้น.แต่ลิลิธก็หน้าซีดให้กับคำพูดของเขา เพราะเธอเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องเผชิญแบบนี้

“ก็งั้นแหละ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่แล้ว พวกเขาเหล่านี้ก็แค่ถูกเรียกเพื่อมาใช้งานของพวกคุณ แต่ผมแน่ใจแน่ๆว่าครอบครัวของพวกเขาต้องกังวลเกี่ยวกับตัวพวกเขาเป็นแน่”

ลิลิธหัวใจของเธอเริ่มแตกสลายเนื่องจากคำพูดเหล่านั้น

 “คุณพูดถูกแล้ว แต่เราก็ต้องขอโทษด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้”

พระราชากล่าวขอโทษแต่ฮิอิโระก็เห็นเพียงว่ามันเป็นแค่ข้อแก้ตัว พระราชาไม่แม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาหายไปจากบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาติอย่างนี้

“พวกเราถูกทอดทิ้ง มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ”

“ไม่,ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อยโว้ย ผมไม่ได้สนใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกคุณเลยซักนิด”

“ฮือ?”

คำพูดของฮิอิโระนั้นหยุดการกระทำของทุกคนไปชั่วขณะ

“ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ4คนนี้แม้แต่นิดเดียว”

“เฮ้, โอกามูระ! พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันไม่ใช่เหรอ!”

ไทอิจิตะโกนด้วยความเจ็บปวดจากคำพูดของฮิอิโระ

“ใช่ ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกนายแต่มันก็แค่ถูกจับยัดให้มาอยู่ในห้องเดียวกันโดยการตัดสินใจของโรงเรียนแค่นั้นเอง”

“มันก็ใช่ละ…”

“ใช่นั้นแหละเป็นเหตุผลที่ทำให้เรามารวมตัวกันค๊า~”

ชูริและชิโนบุเริ่มแสดงความคิดเห็นของเธอ

 “ดังนั้นพวกนายจะพูดได้เหรอว่าเราเป็นคนรู้จักกันตลอด4เดือนที่ผ่านมาเรายังไม่เคยได้คุยกันเลยซักครั้งนี่”

มันคือความจริง.ฮิอิโระนั้นโดยทั่วไปจะอยู่ตัวคนเดียวเพื่อรักษาระยะห่างจากทุกคนไม่เพียงเท่านั้นการนอน การกิน
และการอ่านนั้นเป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดแค่นั้น

ทั้งสี่คนตกลงอยู่ในความเงียบอีกครั้ง.เหมือนอย่างที่ฮิอิโระได้กล่าวไว้ทั้ง4คนไม่แม้แต่จะสนใจฮิอิโระที่อยู่ในชั้นเรียนเลยสักนิด ฮิอิโระนั้นยังคงอยู่ตัวคนเดียวเงียบๆและไม่พูดคุยกับใครมันเป็นเรื่องที่สอดคล้องกันที่กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่เข้าใจฮิอิโระ

“โอเคอย่างที่ผมพูดไปผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ4คนนี้ พวกนายทั้ง4คนอยากเป็นผู้กล้าใช่ไหมละ?
ผมมันก็แค่คนไร้ประโยชน์?”

“หืม หืม…”

รูดอล์ฟครางออกด้วยความงุนงง

“เนื่องจากพวกเขาจะกลายเป็นผู้กล้าใช่ไหมล่ะ งั้นคนธรรมดาอยากผมก็ไม่จำเป็นต้องออกไปสู้สินะ หรือว่าคุณจะปล่อยให้คนธรรมดาอย่างผมไปสู้ด้วยอย่างงั้นรึ?”

“…งั้นขอฉันถามอะไรอย่างได้ไหม นายอยากจะทำอะไรงั้นรึ?”

“กลับบ้าน?”

“ในเอกสารนั้นกล่าวไว้ว่า ราชาปีศาจนั้นรู้เวทย์มนต์ที่จะส่งพวกคุณกลับบ้านได้นะ”

คำพูดของรูดอล์ฟดังไปทั่วผ่านห้องนั้น การแสดงออกของลิลิธนั้นยังคงดูมืดมนอยู่ เธอได้แต่เงียบมองดูไปที่ฮิอิโระที่กำลังหลับตา

“งั้นพวกเราต้องรีบไปกำจัดราชาปีศาจให้ไวเลย!”

มันจะงี่เง่าเกินไปแล้ว ฮิอิโระคิดว่าราชาปีศาจมีรึจะไม่มีเวทย์มนต์อันทรงพลังที่คอยไว้กำจัดเหล่าผู้กล้าคิดว่าจะโค่นมันได้ง่ายๆงั้นเหรอ? ฮิอิโระทื่คิดเช่นนั้นนึกรังเกียจความคิดของไทอิจิอยู่ในใจ

“แน่นอน ตัดสินใจได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ดังนั้นคุณก็ควรมาเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราในตอนนี้ก็ได้นะ”

รูดอล์ฟพยายามที่จะชักชวน ฮิอิโระจึงยักไหล่ของเขา

“อ่า ถ้าฉันกลายเป็นส่วนหนึ่งละก็ ครอบครัวของฉันคงต้องกังวลเป็นแน่”

คนอื่นๆก็คิดเช่นเดียวกับจิกะเช่นกัน

“พวกเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอกจริงไหม?”

คนที่แต่งตัวเหมือนนักวิชาการพูดข้างๆ

“นั่นแหละ ฮ่ะๆ ความจริงที่พวกเธอถูกอัญเชิญมาที่นี่ก็ถูกลืมจากโลกโน้นหมดแล้วล่ะ!”

“ถะ ถะ ถูกลืมอย่างั้นเหรอ!?”

ทุกๆคนที่อยู่ในที่นั้นต่างสตั้นกันเป็นแถว

“อ่า... เชื่อใจพวกเราเถอะว่าหลังจากที่ท่านจัดการราชาปีศาจได้แล้วพวกท่านจะถูกส่งกลับไปโลกเดิมและทุกๆอย่างจะกลับเป็นปกติ”

(มัน...กำลังโกหก.)

ฮิอิโระรู้สึกได้จากสัญชาตญาณ

(ทุกอย่างที่พวกเขากล่าวขึ้นมานั้นก็แค่สร้างแรงจูงใจให้พวกเราเท่านั้น. ถึงจะมีเวทย์ส่งกลับอยู่ก็จริงแต่ก็คงไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าพวกเราจะไม่ถูกลืม…)

ดูเหมือนไทอิจินั้นจะไม่รู้สึกตัวแต่ชูริ จิกะ และชิโนบุนั้นต่างสงสัยเหมือนกับที่ฮิอิโระคิดเช่นกัน

(หึ แต่อย่างนั้นผมก็ไม่สนใจ แต่ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อตัวเองเป็นพอ)

โอกามูระ ฮิอิโระได้เป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเขาเสียชีวิติตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็กๆ

นั่นจึงทำให้เขาถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและมีเด็กส่วนหนึ่งพยายามจะเป็นเพื่อนกับเขาแต่เขารักหนังสือมากกว่าที่จะมีเพื่อนเป็นการคบหาเขาอ่านหนังสือตลอดทั้งวัน และอ่านมากขึ้นไปอีกจนทำให้เขาเป็นคนรอบรู้

ถึงจะแน่นอนที่เขามีญาติในโลกนั้นแต่เขาก็ไม่คิดที่จะกลับไปแม้แต่นิดดังนั้นมันจึงไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อยให้ฮิอิโระที่จะไม่กลับโลกเดิม

ลิลิธรู้ว่าไม่มีทางกลับจะกลับไปได้ ใบหน้าของเธอรู้สึกผิดเกี่ยวกับการโกหก

ไทอิจิและสาวๆของเขาเริ่มที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะทำต่อไปนี้โดยคิดว่าสิ่งที่รูดอล์ฟบอกนั้นเป็นเรื่องจริงที่จะมีวิธีกลับโลกเดิม

“เหมือนอย่างที่โอกามูระพูดถึงจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่คุณก็เต็มไปด้วยอุดมการณ์ที่จะปกป้องเผ่าของตัวเอง”

ไทอิจิพูดไปขณะที่มองรูดอล์ฟด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“แต่…”

ขณะที่พูดเช่นนั้นเขาก็มองไปที่3สาวอีกครั้งพร้อมกับทำท่าเรียกกำลังใจ

“พวกเราจะทำมันเอง!”

“จริงเหรอ พวกนายจะทำมันจริงๆสินะ?”

รูดอล์ฟตะโกนเสียงดัง

“ใช่แล้ว พวกเราอยากจะเดินทางไปทั่วโลกแห่งนี้”

“ใช่แล้วละค้า เหมือนพวกเรากำลังเล่นเกมส์ออนไลน์อยู่เลยนะค่ะ!”

ขณะที่จิกะพูดเช่นนั้น, พวกเขาทั้ง4คนที่เล่นเกมส์RPG 4คนด้วยกันบ่อยๆก็หวังจะให้เกิดเรื่องแบบนี้กับตัวเองนานแล้ว

ถูกแล้ว ก่อนที่จะถูกเรียกตัวมาที่นี่พวกเขาก็เคยคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเหมือนกัน

“งั้นพวกคุณจะยอมช่วยพวกเรา ใช่ไหม!”

“ใช่ค่ะ แต่ข้อแลกเปลี่ยน…”

ชิโนบุพูดตามหลังจากที่พระราชากล่าวขึ้น

“จากที่เราถูกอัญเชิญมาที่นี่ค่าสเตตัสของพวกเราคงจะต่างจากนักผจญภัยเริ่มต้นทั่วๆไปสินะค่ะ แต่ว่าก็ยังไม่พออยู่ดี”

“ชะ ใช่ นั่นก็ถูกแล้วละ”

“พวกเราคงไปสู้กับจอมมารตอนนี้ไม่ได้หรอก ได้โปรดสอนเทคนิคการต่อสู้ให้พวกเราด้วย”

“ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปหรอก”

ในเวลานั้นคนสวมชุดเกราะได้ปรากฏตัวขึ้น

 “ผมจะเป็นครูฝึกให้พวกท่านเอง เหล่าผู้กล้า”

เขาคุกเข่าลงและก้มหัวต่ำทำท่าแสดงความเคารพ

“ชื่อของผมคือ เวลล์ คิมเบิล ผมได้รับหน้าที่ให้สอนศิลปะการต่อสู้ให้พวกท่าน”

“บังเอิญจังเลยนะ หัวหน้าอัศวินแห่งกองทัพของเรา”

เขาเป็นผู้ชายหล่อและดูมีเกียรติศักดิ์เพียงแค่มองไปที่ร่างกายของเขาก็รู้ได้ว่าร่างกายนั้นผ่านการฝึกมาอย่างดี ผมเขียวสั้นของเขา พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความเมตตา

เป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่จะมองผู้ชายหน้าตาหล่อเหลายกเว้นแต่จิกะที่ทำนิ่งเฉยทำเป็นไม่สนใจ

“ในโลกนี้ มีชายเหมือนยักษ์จะมาฝึกเรางั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว ตอนนี้แถบชายแดนกำลังสงบสุขเราควรใช้เวลาให้มีค่าในการฝึกพวกเธอก่อนที่เขตชายแดนจะเกิดสงครามขึ้นอีกครั้ง”

“โอ้ แล้วจะให้เราอยู่ที่ไหนล่ะ?”

“เราได้เตรียมห้องสำหรับทุกคนไว้แล้วในปราสาทนี้ ลิลิธจะเป็นคนนำทางพวกคุณไปเอง”

ขณะที่กำลังพูดอธิบายอยู่นั้นดูเหมือนฮิอิโระจะกลายเป็นส่วนเกินจึงได้ยกมือขึ้นเพื่อจะหลีกเลี่ยงปัญหา

“ไม่ล่ะ ผมจะไปตามทางของตัวเองดีกว่า”

ทุกคนถูกหยุดอีกครั้งด้วยคำพูดของฮิอิโระ

“คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าผมนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยแม้แต่น้อยดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นสำหรับการต่อสู้สินะ ผมไม่ใช่ผู้กล้าจึงไม่มี้หตุผลที่จะอยู่ที่นี่หรอก”

“หืม...แต่...”

“ขอโทษด้วยละกันผมไม่ใช่พวกที่จะมาตื่นเต้นกับการกลายเป็นผู้กล้าอะไรนี่ ผมมีชีวิติอยู่เพื่อความต้องการของตัวเองไม่ต้องการตกเป็นข้ารับใช้ใคร?”

รูดอล์ฟมองไปที่ฮิอิโระอย่างกังวล มันเป็นความจริงที่เขาเป็นส่วนเกินเขาไม่ได้ต้องการความแข็งแกร่งแต่อย่างใด ผมสีดำ ชุดนักเรียนส่วนสูงเกือบๆ 180cm แต่ไม่มีกล้ามเนื้อเลยสักนิด

จุดสนใจของเขามีเพียงแค่แว่นตาที่ดูโดดเด่นเท่านั้น แต่ในรูปลักษณ์ก็ด้อยกว่าไทอิจิอยู่ดี

คนที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ไม่น่าจะถูกอัญเชิญมาได้แต่มันก็เป็นความจริงที่เขามายืนตรงนี้แล้วยังไงเราก็แค่หาทางกำจัดตัวไร้ประโยชน์นี่ออกไปซะก็พอด้วยเหตุผลบางอย่าง

“อะ อืม ผมต้องขอโทษจริงๆด้วยเกี่ยวกับกรณีของคุณนะครับ ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ละก็....”

“ไม่ต้อง...”

“ไม่ต้องงั้นเหรอ?”

“ช่ายแล้ว และผมก็ไม่ค่อยชอบท่านเท่าไรนัก โลกนี้มันควรจะมีหนังสือ หรือ นิยายที่น่าสนใจสินะ ฮ่ะๆ..”

ฮิอิโระก็เป็นผู้ชายเช่นกันดังนั้นจึงไม่เป็นไรหรอกที่เขาจะชอบการผจญภัยแต่โดยส่วนใหญ่เขาก็ไม่ชอบบทแบบพระเอกเท่าไร
แต่ถึงยังไงก็อยากจะเดินทางทั่วโลกนี้เหมือนกัน

 “ผมไม่มีธุระอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว เพราะงั้นไว้เจอกันนะ”

ขณะที่พูดแบบนั้นพร้อมกำลังจะเดินออกไปแต่ไทอิจิก็ได้จับแขนเขาไว้ซะก่อน

“เฮ้ย! ไอ้การทำตัวแบบไม่แยแสอะไรนั้นยังคงเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ชายได้อีกหรือไงวะ?”

“หืม?”

ฮิอิโระพูดออกไปด้วยความรำคาญ.

“พวกเขาก้มหัวให้แกแล้วนะทำไมยังทำตัวไม่เห็นหัวชาวบ้านอีกหะเขาอุสสาห์ช่วยแกแล้วนะเว้ย”

“ก็ไม่นี่”

“ทำไม!”

“ผมไม่ใช่ผู้กล้าสักหน่อย หรือจะใช้ผมเป็นโล่กำบังรึไง?”

“อะ... ละ โล่กำบัง?”

ไทอิจิปล่อยแขนของฮิอิโระไป

“ปล่อยมันไปเถอะ ไทอิจิ”

จิกะพูดพร้อมกับส่งสายตาที่แหลมคมไปหา

“พวกเธอ 2 คนไม่เห็นด้วยสินะใช่ไหม?”

‘เอ๋...คือ ฉะ...ฉัน..”

ชูริเธอดูสับสนและมองไปทางชิโนบุที่กำลังจ้องไปที่ฮิอิโระและพยักหน้าขึ้น

“ฮะ ฮ่าๆ เข้าใจแล้วหรือยัง เกมส์ที่ยังคงความเป็นจริง ในหลายๆความหมายคนที่ไม่มีเพื่อนแบบผมมันก็จะลงเอยโดยกลายเป็นคนธรรมดาไม่ก็โซโล่เท่านั้นแหละ พวกผู้กล้ามันต่างจากคนธรรมดานี่ โอคามุระคนนี้เป็นเพียงแค่เศษฝุ่นไม่มีค่าอะไรจะให้คู่ควรเลย”

ชิโนบุได้แต่ปิดปากเงียบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเพราะสิ่งที่ฮิอิโระพูดนั้นถูกต้องทั้งหมด นั้นทำให้พวกเขาเครียดเลยทีเดียว

“งั้นก็ทำตามใจเถอะ”

ไทอิจิปล่อยมือจากฮิอิโระอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสถาการณ์ที่น่าหดหู่กว่านี้,

“อะ หืม!”

เสียงของลิลิธดังขึ้นฮิอิโระหยุดซักพักและมองผ่านเธอไป

“อะ อืม ฉันขอโทษจริงๆค่ะ!”

เธอมองไปที่ฮิอิโระอย่างกังวล ฮิอิโระพูดขึ้นในขณะที่หันหลังมา

“อย่าคิดมากน่า.”

จากนั้นเขาก็เริ่มเดินทางไปตรวจสอบทั่วเมือง
Share on Google Plus